การเลือกตั้งในประเทศ วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 จัดเป็นความหวังของคนไทย ซึ่งมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ในระบอบประชาธิปไตย โดยเป็นการเลือกตั้งในรอบ 5 ปี ประชาชนตั้งความหวังไว้อย่างยิ่งยวด ว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้ จะนำพามาซึ่ง ‘ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข’
คุณหญิงสุดารัตน์ โพสลงใน Facebook Official สงสัยเรื่องการใช้งบเลือก ส.ว.
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หรือ หญิงหน่อย ได้ออกมาโพสใน Facebook Official ถึงเรื่องความสงสัยที่เกิดขึ้น หลังจากการเลือกตั้ง ว่าคาดหวังจะเกิดรัฐบาลพลเรือน อันมาจากการเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม และเป็นที่ยอมรับต่อประชาคมโลก จึงทำให้ประชาชนยอมอดทน ยอมอยู่ภายใต้การปกครองนานเกือบ 5 ปี
ในวันที่ 28 เมษายน การเลือกตั้งได้ล่วงเลยผ่านพ้นไปอย่างยาวนานกว่า 1 เดือนแล้ว หากแต่ผลการเลือกตั้งก็ยังไม่ออกมาอย่างเป็นรูปธรรมเสียที นับเป็นโชคดี ที่ยังมีนักวิชาการตลอดจนพรรคการเมืองอีกหลายพรรค สามารถตีโจทย์ ได้ตรงตามตัวบทกฎหมายเกี่ยวข้อง และได้ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทำให้ไม่จำเป็นต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความให้ยุ่งยาก
ในเรื่องของความเชื่อมั่นในอีกทางหนึ่ง คือ สว. 250คน ซึ่งมีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ เพราะได้สิทธิ์พิเศษในการร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีถึง 2สมัย กลับมีกระบวนการเป็นความลับอย่างหาคำตอบไม่ได้ โดยประชาชนไทยทั้งประเทศรู้แค่เพียง ว่า คสช.เป็นผู้เลือกฯเท่านั้น ส่วนข้อมูลอื่นๆ อย่าง รายชื่อคณะกรรมการฯ , กระบวนการคัดสรร, ตัวบุคคลซึ่งเป็น Candidate รวมทั้งข้อมูลอื่น กลับความลับที่ประชาชนไม่มีสิทธิ์ได้ทราบ !
นอกจากนี้ การเลือก ส.ว. ในครั้งนี้ มีการใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชน ไปใช้มากกว่า 1,300 ล้านบาท หากแต่ประชาชนกลับมีส่วนร่วมลุ้นเท่านั้นว่า ส.ว. จำนวน 250 คนที่ได้รับการคัดเลือกแบบไม่อาจตรวจสอบได้ จะมีสัก 1คนหรือไม่? ที่จะกล้าแสดงความคิดเห็นว่า ตนเองไม่สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
โดยประชาธิปไตยจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยได้นั้น ต้องเป็นประชาธิปไตยมีความสง่างาม ซึ่งทำให้ประชาชนไทย รวมทั้งขนชาติอื่นในโลก เกิดความเชื่อมั่นว่าอำนาจอธิปไตยที่ได้มาในการปกครองนั้น มาจากประชาชนอย่างแท้จริง ถ้ากระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย , การคัดสรร , กติกา , คณะกรรมการฯ ตลอดจนความชอบธรรมในการเลือกตั้ง แตกแยกไปจากหลักการ จนกระทั่งทำให้ประเทศไทยไม่ได้ประชาธิปไตยอันแท้จริงกลับคืนมา
ทำให้คิดได้เพียงแต่ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นเพียงแค่การมอบความหวัง ซึ่งทำให้ดูเหมือนมีการ ‘คืนความสุข’ ให้ประชาชนเพียงเท่านั้น อีกทั้งการที่ประชาชนตื่นแต่เช้าเพื่อไปใช้เสียง เปรียบได้ดั่งการช่วยชุบตัวให้เผด็จการดูเหมือนประชาธิปไตยมากขึ้นเท่านั้นเอง