ข่าว บิ๊กป้อม เคาะ 400 รายชื่อชิงเก้าอี้ ส.ว.

Big-fort

ขอยอมรับตามตรงเลยว่าช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ข่าวการเมืองเป็นข่าวที่มีความร้อนแรงไม่แพ้แดดของประเทศไทยกันเลยทีเดียว แถมอุณหภูมิยังมีแนวโน้มจะสูงขึ้นแบบไม่มีจุดสิ้นสุดอีกต่างหาก การขยับตัวแต่ละครั้งของผู้บริหารระดับแกนนำของคสช.นั้น สร้างแรงสั่นสะเทือนได้มากทีเดียว ล่าสุด บิ๊กป้อมได้เคาะรายชื่อ 400 คนที่จะชิงตำแหน่งสำคัญอย่าง ส.ว. ผู้ที่มีสิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรีได้ด้วย ทำเอาหลายฝ่ายออกมาส่งเสียงทั้งด้านบวกและลบกันให้วุ่นไปหมด การเลือก ส.ว. รอบนี้มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็น ส.ว.ในช่วงการเมืองเปลี่ยนผ่าน ที่สำคัญเป็น ส.ว. ที่มีอำนาจในการยกมือโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ซึ่งการเลือก ส.ว.นั้นมีการแต่งตั้งโดยตำแหน่ง และการคัดเลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละสาขาวิชาชีพ จากข่าว พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้รับมอบหมายจาก หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา ส.ว. เพื่อจัดทำรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก 400 คน เพื่อให้ คสช. พิจารณาอีกครั้งให้เหลือเพียงแค่ 194 คนฃ

แนวทางการคัดเลือก

จากเนื้อข่าวยังบอกถึงแนวทางการคัดเลือก ส.ว.ด้วยว่า ต้องเป็นบุคคลที่เข้าใจทางการเมือง มีทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ และมีทักษะทางด้านการเมืองมาเป็นอย่างดี เพราะต้องมีหน้าที่เลือกนายกด้วย จึงต้องอาศัยคนที่มีความสามารถพร้อม ไม่เพียงเท่านั้นบุคลิกภาพ บารมีเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้ประชาชนเห็นว่า การแต่งตั้ง ส.ว. ก็ทำให้ได้รับ ส.ว. ที่มีคุณภาพดีด้วยเช่นกัน ฟังดูแล้วเหมือนจะดี

ความสัมพันธ์ใกล้ชิด

แต่สิ่งที่ทำให้การเคาะชื่อของ บิ๊กป้อม คราวนี้โดนครหามากก็คือ การคัดเลือกรายชื่อที่ผ่านคัดเลือกไปนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับคณะรัฐบาลไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง แบ่งออกเป็นกลุ่มคนใกล้ชิดของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ และคนอื่นในคณะรัฐบาล อย่างเช่น พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ, พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ (น้องชายแท้ๆ ของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) สองกลุ่มเพื่อนที่เรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 6 มาด้วยกัน อย่างเช่น พลเอก นภดล อินทปัญญา, พลเอกเลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ เป็นต้น อีกกลุ่มหนึ่งก็คือคนที่คุ้นเคยกับท่านประวิตรมาเป็นอย่างดีในการทำงานร่วมกันตามวาระและโอกาสต่างๆ

ผลประโยชน์ต่างตอบแทน

อย่างไรก็ตามการคัดเลือกรายชื่อให้เหลือ 400 คนในทีนี้ ได้ทำให้ภาพของ ส.ว. ดูแล้วจะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์เดิมที่เคยทำกันมา อย่างน้อยก็เรื่องสาขาวิชาชีพที่ส่วนใหญ่จะมาจากทหาร ตำรวจเสียเป็นส่วนใหญ่ เท่านั้นไม่พอการคัดเลือกคนที่มีความเกี่ยวข้องกันไม่ว่าทางใดทางหนึ่งมาเป็น ส.ว. นั้นทำให้เกิดภาพผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่าง คณะ ส.ว. และ คณะรัฐบาล (ถ้าหากพรรค พปชร. ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล) แบบแยกจากกันไม่ได้จริงๆ